ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจครอบครัวไทยกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกระแสเมกะเทรนด์ที่ส่งผลกระทบต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พลิกโฉมระบบการทำงาน ไปจนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งทุกสถานการณ์ล้วนเชื่อมโยงกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจครอบครัวจึงต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพื่อช่วงชิงโอกาสใหม่ ๆ ท่ามกลางความท้าทายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
งานวิจัย ‘Value in motion’ ของ PwC ได้สะท้อนให้เห็นว่า เมกะเทรนด์เหล่านี้กำลังขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ ให้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมสู่ ‘โดเมนแห่งการเติบโต’ ที่ไม่ใช่แค่การปรับตัวแบบเดิม แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศธุรกิจใหม่ในทศวรรษหน้า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ธุรกิจครอบครัวไทยกำลังเผชิญกับทางเลือกสำคัญ นั่นคือ การรักษามรดกและเอกลักษณ์ดั้งเดิม หรือการเปิดรับนวัตกรรมและความคล่องตัวเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ข้อมูลล่าสุดของเราสะท้อนถึงความพยายามในการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เป้าหมายธุรกิจ การลงทุน และโครงสร้างองค์กร เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่อย่างมั่นใจ
รายงานผลสํารวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ประจำปี 2568 ของ PwC เป็นการสำรวจตลาดธุรกิจครอบครัวระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทําความเข้าใจมุมมองของผู้นำธุรกิจครอบครัวที่มีต่อบริษัทและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การสำรวจครั้งนี้เราร่วมมือกับ John L. Ward Center for Family Enterprises แห่ง Northwestern University ในนามของ Kellogg School of Management ซึ่งการสํารวจครั้งนี้ดำเนินการสัมภาษณ์ออนไลน์จำนวน 1,325 ราย จาก 62 ประเทศและอาณาเขต รวมถึง 36 รายจากประเทศไทย ทำให้เราเห็นมุมมองและข้อมูลที่น่าสนใจของผู้นำธุรกิจครอบครัวไทยต่อสถานการณ์ปัจจุบันในหลาย ๆ แง่มุม
ผลสำรวจธุรกิจครอบครัวไทยฉบับล่าสุด เผยให้เห็นภาพที่น่าสนใจต่อกระแสโลก โดย 69% ของผู้นำธุรกิจครอบครัวไทยต่างเห็นพ้องว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องฝ่าฟันมากที่สุด ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีอิทธิพลถึง 53% รวมไปถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า หรือความไม่มั่นคงในแต่ละภูมิภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจถึง 44%
เมื่อมองลึกลงไป เราพบว่ายังมีความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและแรงกดดันจากตลาด (67%) การพัฒนาผู้นำและบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (56%) หรือแม้แต่การรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายระยะสั้นกับเป้าหมายระยะยาว (42%)
คำถาม: แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับโลกใดต่อไปนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวของคุณมากน้อยเพียงใด ในปีที่ผ่านมา?
ที่มา: รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ประจำปี 2568 ฉบับประเทศไทยของ PwC
ผลกระทบจากเมกะเทรนด์เหล่านี้ ยังปรากฏในข้อมูลยอดขายของปีที่ผ่านมา โดยมีธุรกิจครอบครัวไทยเพียง 44% ที่มียอดขายเติบโต ลดลงจาก 59% เมื่อสองปีก่อน ขณะเดียวกัน มีเพียง 22% ที่สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายเป็นตัวเลขสองหลัก ตามผลการสำรวจล่าสุด
เพื่อรับมือกับแรงกดดันรอบด้านที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง หลายธุรกิจได้หันมาปรับกลยุทธ์จากการมุ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดสู่ ‘การเติบโตที่เน้นความมั่นคง’ เป็นหลัก ทว่าเส้นทางนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายและแนวทางแบบอนุรักษนิยมที่ฝังลึกอยู่ในดีเอ็นเอของธุรกิจครอบครัวไทย สังเกตได้จากผลสำรวจที่พบว่า มีเพียง 11% ของธุรกิจที่กล้าทะยานสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการกล้าที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารแบบใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และที่น่าจับตาคือ ยังไม่มีธุรกิจครอบครัวไทยรายใดกล้ากระโจนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับพลิกโฉมอย่างเต็มรูปแบบ (ขณะที่ทั่วโลกมี 3% ที่กล้าเสี่ยง) สะท้อนถึงความระมัดระวังโดยธรรมชาติของธุรกิจครอบครัวไทย ที่อาจเป็นทั้งจุดแข็งในยามวิกฤตและข้อจำกัดในการคว้าโอกาสใหม่ในเวลาพร้อมกัน
คำถาม: ในช่วงที่เกิดความผันผวนของตลาดหรือมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรม ธุรกิจครอบครัวของคุณมักจะตอบสนองอย่างไรในแง่ของแนวทางการบริหารจัดการ?
หมายเหตุ: ตัวเลขทั้งหมดที่แสดงในแผนภูมิวงแหวนเป็นเปอร์เซ็นต์
ที่มา: รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ประจำปี 2568 ฉบับประเทศไทยของ PwC
ธุรกิจครอบครัวที่สามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างโดดเด่น จำเป็นต้องกล้าข้ามขีดจำกัดและรูปแบบเดิม ๆ โดยเลือกปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานในหลากหลายมิติ เพื่อเสริมสร้างข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง เช่น การมีสถานะเป็นเจ้าของโดยเอกชนซึ่งช่วยให้ธุรกิจมีอิสระในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โครงสร้างองค์กรที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน และการกระจายอำนาจให้ผู้นำสามารถขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างคล่องตัวและเด็ดขาด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำพาธุรกิจครอบครัวให้สามารถคว้าโอกาสใหม่ ๆ และรับมือกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจ
จากผลสำรวจของเรา พบว่า ธุรกิจครอบครัวไทยที่มีความคล่องตัวและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ความต้องการของลูกค้า และความท้าทายในการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ โดย 44% ของกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นเลขสองหลัก
ที่มา: รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ประจำปี 2568 ฉบับประเทศไทยของ PwC
ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการเติบโตทางธุรกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ธุรกิจครอบครัวไทยยังคงขาดความตื่นตัวและการตระหนักรู้ต่อกระแสเมกะเทรนด์นี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากผลสำรวจล่าสุดที่บ่งชี้ถึงช่องว่างด้านการนำเทคโนโลยี AI มาใช้
รายงานผลสํารวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ประจำปี 2568 ของ PwC เป็นการสำรวจตลาดธุรกิจครอบครัวระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทําความเข้าใจมุมมองของผู้นำธุรกิจครอบครัวที่มีต่อบริษัทและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การสำรวจครั้งนี้เราร่วมมือกับ John L. Ward Center for Family Enterprises แห่ง Northwestern University ในนามของ Kellogg School of Management ซึ่งการสํารวจครั้งนี้ดำเนินการสัมภาษณ์ออนไลน์จำนวน 1,325 ราย จาก 62 ประเทศและอาณาเขต ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 17 มิถุนายน 2568
สำหรับผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทย ประกอบด้วย ธุรกิจที่มีรายได้ตั้งแต่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (31%) ไปจนถึงธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6%) โดยอุตสาหกรรมหลัก คือ การผลิตและยานยนต์ (28%) และสินค้าอุปโภคบริโภค (28%) ส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มบริการทางการเงิน เทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ
รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัว ประจำปี 2568 ฉบับภาพรวมประเทศไทย
อ่านรายงานฉบับโลกได้ที่นี่
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29