30 พฤษภาคม 2561
โดย วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย
ปัจจุบันเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “เอไอ” (Artificial Intelligence: AI) กำลังเข้ามามีอิทธิพลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เรามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมการใช้จ่าย โดยผลสำรวจ Global Consumer Insights Survey 2018 ของ PwC ที่ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจำนวนกว่า 22,000 ราย ใน 27 ประเทศทั่วโลก และนำผลการศึกษาที่ได้มาแบ่งเป็น 6 รายงานสำคัญ หนึ่งในนั้น คือ “Artificial intelligence: Touchpoints with consumers” [1] ระบุว่า แม้ว่าจะมีเพียง 10% ของผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถามทั่วโลก ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของอุปกรณ์เอไอประจำบ้านประเภท หุ่นยนต์ หรือ ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ (อย่าง อเมซอน เอคโค หรือ กูเกิล โฮม) แต่ 32% บอกว่า ตนมีแผนที่จะซื้ออุปกรณ์เอไอเหล่านี้มาไว้ใช้ในอนาคต ยิ่งไปกว่านี้ เอไอจะเข้ามาส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการใช้จ่ายด้วย โดย 18% ของผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถามบอกว่า อุปกรณ์เอไอจะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น
ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายประเทศ จะพบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคชาวเอเชียเป็นกลุ่มที่นิยมการชอปปิงผ่านอุปกรณ์เอไอมากที่สุด โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนมีประชากรที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์เอไอมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 (21%) และอีก 52% ยังมีแผนที่จะซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มาครอบครอง ตามมาด้วยอันดับที่ 2 เวียดนาม (19%) อันดับที่ 3 อินโดนีเซีย (18%) อันดับที่ 4 สหรัฐอเมริกา (16%) และอันดับที่ 5 ไทย (15%)
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เอไอ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (The Internet of Things: IoT) จะยิ่งเข้ามาส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายได้เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิม ด้วยอิสระในการชอปปิงที่มีมากขึ้นผ่านช่องทางที่หลากหลาย และความสะดวกสบายที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ทำให้ผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต้องเร่งสรรหาบริการที่สามารถสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่แปลกใหม่ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียมให้ได้
ใช้เอไอ ปั้นยอดขาย มัดใจนักช้อป
ข้อมูลจากผลสำรวจของ PwC ฉบับนี้ ยังได้ยกตัวอย่างเทคโนโลยีเอไอ ที่ผู้ประกอบการธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก รวมทั้ง ธุรกิจแพคเกจจิ้งในประเทศใหญ่ ๆ หลายรายได้นำมาประยุกต์ใช้กับลูกค้าของตน ซึ่งดิฉันคิดว่า น่าจะเป็นไอเดียให้กับผู้ประกอบการในบ้านเราได้เป็นอย่างดี ดังนี้
สิ่งที่กล่าวไปข้างต้น ถือเป็นเพียงประเภทของเอไอที่ผู้ประกอบการทั่วโลกได้นำมาใช้เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า อย่างไรก็ดี ความท้าทายของผู้ประกอบการแต่ละรายในอุตสาหกรรมนี้ยังมีอีกมากและแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการนำเอไอมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์ ความสามารถในการสร้างยอดขาย จำนวนการเข้าร้านของลูกค้า การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และ อื่น ๆ แต่แม้กระนั้น ดิฉันยังเชื่อว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผู้เล่นที่วันนี้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิดและกลยุทธ์ไปสู่ดิจิทัลแล้ว จะสามารถปรับตัวและตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ได้ก่อนผู้เล่นที่ยังคงล้าหลัง
//จบ//
Notes:
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29