ในปัจจุบัน ผู้นำธุรกิจทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับปัญหาเร่งด่วน เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านภาษีศุลกากร สงครามการค้า และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อแรงผลักดันที่สำคัญในระยะยาวสองประการ ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายงานล่าสุด Value in Motion ของ PwC ระบุว่า แรงผลักดันเหล่านี้ รวมถึงแนวโน้มสำคัญอื่น ๆ จะส่ง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า และสร้างความจำเป็นให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ในรูปแบบใหม่ ดังนั้น การปฏิรูปธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่ผู้นำควรพิจารณา เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายและสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างในทศวรรษหน้าได้
รายงานของ PwC ระบุว่า AI กำลังปฏิวัติการทำงานและเศรษฐกิจเหมือนเครื่องจักรไอน้ำในศตวรรษที่ 18 โดย AI ช่วยเสริมกระบวนการทางเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การคาดการณ์ และระบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศอาจลดการขยายตัวของ GDP โลกจาก 33% เหลือ 26% ในปี 2578
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศนี้ คาดว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปและแรงกดดันจากห่วงโซ่อุปทานกำลังส่งผลต่อการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมและนำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘โดเมนแห่งการเติบโต’ (domains of growth) ครอบคลุมวิธีที่ธุรกิจเคลื่อนย้าย เลี้ยงดู สร้าง ไปจนถึงวิธีจัดหาเงินทุนและประกัน เป็นต้น โดยโดเมนเหล่านี้จะนำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการทำงานร่วมกันข้ามกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมมากขึ้น
การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการรวมกลุ่ม และขยายไปสู่โดเมนที่กว้างขึ้นนี้จะก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทาย เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้สร้างโอกาสสำคัญ ๆ ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยขยายไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ อย่างอาคารอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานเมือง บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านจากสวีเดนอย่าง อิเกีย (IKEA) กำลังพัฒนาโซลูชันเมืองอัจฉริยะโดยใช้ AI และการวิเคราะห์ (วิธีที่เราเคลื่อนย้าย) ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มโทรคมนาคม กำลังสร้างความเชื่อมโยงเพื่อพิสูจน์แหล่งที่มาของเสบียงอาหารด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (วิธีที่เราให้อาหาร) และการปรับขนาดระบบโครงข่ายอัจฉริยะข้ามพรมแดนที่อำนวยความสะดวกในการแบ่งปันและซื้อขายพลังงานในระดับภูมิภาค (วิธีที่เราเติมเชื้อเพลิงและผลิตพลังงาน) เป็นต้น รายงานฉบับนี้ของ PwC ยังได้คาดการณ์ว่า การรวมกลุ่มและเปลี่ยนแปลงในแต่ละโดเมนจะช่วยสร้างการเติบโตให้ GDP โลกได้ถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในทศวรรษหน้า
ยิ่งไปกว่านี้ บทความ The leader’s guide to value in motion ของ PwC ได้นำเสนอแนวทางสำหรับผู้นำธุรกิจเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของคุณค่าและคว้าโอกาสในโดเมนใหม่ ดังนี้
องค์กรต่าง ๆ ต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวในสามด้าน ได้แก่ การสร้างนวัตกรรมในโมเดลธุรกิจ การดำเนินงานและพลังงาน การเข้าถึงแหล่งความได้เปรียบใหม่ผ่านการแข่งขันทางเทคโนโลยีและทรัพยากรที่หายาก และการจัดการกับอุปสรรคในการสร้างใหม่ เช่น ช่องว่างทางทักษะ ทั้งนี้ การวางแผนปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มต้นด้วยการประเมินสถานะปัจจุบันขององค์กรอย่างเป็นจริง เตรียมความพร้อมเพื่อใช้ AI และบูรณาการเข้ากับระบบธุรกิจใหม่ ๆ โดยการขาดแผนการเหล่านี้อาจทำให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ผู้นำควรคิดต่างเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนและมองหาโอกาสใหม่ ๆ โดยการยอมรับความไม่แน่นอนและวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับโดเมนใหม่จะช่วยให้สามารถระบุและใช้ประโยชน์จากโอกาสต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การมองภาพรวมจะช่วยให้ผู้นำมองเห็นถึงศักยภาพของ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรม โดยการคิดนอกกรอบที่ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมทั้งควรแสวงหาพันธมิตรเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกันทั้งภายในและภายนอกโดเมน
ที่มา:
หมายเหตุ: บทความนี้ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ทาง The Standard Wealth
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29