โดย ชาญชัย ชัยประสิทธิ์
ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย
29 เมษายน 2566
แม้ว่าในปัจจุบันผู้นำธุรกิจและนักลงทุนสถาบันจะเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่รายงานล่าสุด Climate leadership wanted: How CEOs can better meet investor expectations โดย strategy+business ของ PwC พบว่า ซีอีโอส่วนใหญ่ยังคงแสดงความกังวลต่อผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน้อยกว่านักลงทุน ขณะที่มีซีอีโอเพียงไม่กี่รายที่มีการรายงานถึงแนวปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร หรือมีการรายงานในระดับที่น้อยกว่าที่นักลงทุนคาดหวังไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ซีอีโอยังคงต้องเชื่อมโยงกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทเข้ากับภารกิจสำคัญของนักลงทุน นั่นคือ การทำกำไร (Profitability) และนวัตกรรม (Innovation) รวมถึงมีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สามารถสร้างคุณค่า (Value Creation) ให้กับบริษัทได้
รายงานของ PwC ฉบับนี้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างมูลค่าของบริษัทในสองทางหลัก ประกอบด้วย 1. ความเสี่ยงจากผลกระทบทางตรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Physical Risk) เช่น อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น หรือการเกิดพายุรุนแรงที่อาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ และ 2. ความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบของการออกกฎระเบียบของทางการเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (Transition Risk) เช่น มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ หรืออิทธิพลของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจ
สิ่งที่น่าสนใจจากการสอบถามความคิดเห็นของทั้งซีอีโอและนักลงทุนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อความสูญเสียทางการเงินของบริษัทในอีก 12 เดือนและ 5 ปีข้างหน้า รวมถึงมุมมองต่อการเปลี่ยนผ่านแหล่งพลังงานใหม่จะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของอุตสาหกรรมในอีก 10 ปีข้างหน้า พบว่า นักลงทุนให้ความสำคัญกับประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ในระดับที่มากกว่าซีอีโอ โดยนักลงทุนมองความเสี่ยงของความสูญเสียทางการเงินจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วง 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่าซีอีโอถึง 1.6 เท่า ในขณะที่มองความเสี่ยงของความสูญเสียทางการเงินในช่วง 5 ปีสูงกว่าซีอีโอเกือบ 2 เท่า และสุดท้ายมองผลกระทบทางการเงินจากการเปลี่ยนแปลงแหล่งพลังงานที่มีต่อผลกำไรของบริษัทในระยะ 10 ปีสูงกว่าซีอีโอถึง 1.4 เท่า
ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนพบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่า ธุรกิจควรจัดให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและโซ่อุปทาน เป็น 1 ใน 5 ภารกิจสำคัญขององค์กร โดยอันดับที่ 1 นวัตกรรม (83%) ตามมาด้วย อันดับที่ 2 ผลประกอบการที่มีกำไร (69%) อันดับที่ 3 ความปลอดภัยทางไซเบอร์และนโยบายความเป็นส่วนตัว (51%) และอันดับที่ 4 บรรษัทภิบาล (49%) นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า การเตรียมความพร้อมในตอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต โดยแนวปฏิบัติที่คาดหวังให้ธุรกิจดำเนินการ ครอบคลุมตั้งแต่ การริเริ่มโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (75%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ (73%) และการพัฒนากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมในระดับองค์กรผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล (69%) เป็นต้น
ในทางกลับกัน สัดส่วนของซีอีโอที่รายงานว่า บริษัทของตนมีความคืบหน้าในการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้มีจำนวนน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ เช่น มีซีอีโอเพียง 66% (ทั้งที่ปฏิบัติเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติ) ที่มีความคืบหน้าในการริเริ่มโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ 61% ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ และมีเพียง 58% ที่มีการพัฒนากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมระดับองค์กรโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูล
PwC ยังได้นำเสนอแนวทางที่สำคัญที่ซีอีโอควรนำไปพิจารณาเพื่อปรับแนวทางและกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังต่อไปนี้
ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้นจะช่วยปรับปรุงความสอดคล้องของรายงานความยั่งยืน และได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น ทั้งนี้ 75% ของนักลงทุนกล่าวว่า ความคิดเห็นจากผู้ตรวจสอบที่เป็นอิสระและน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับผู้ตรวจสอบรายงานทางการเงินจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในระดับกลางหรือระดับสูงได้
จากหลากหลายตัวชี้วัดที่กล่าวมา เราจะเห็นว่านักลงทุนมีความกังวลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเห็นว่าปัญหานี้จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับธุรกิจมากกว่าซีอีโอ ดังนั้น ผู้นำธุรกิจจึงควรต้องเร่งดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ โดยไม่มีเพียงแค่แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังต้องนำเสนอรายงานที่น่าเชื่อถือ และมีการเชื่อมโยงการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับการสร้างคุณค่าให้กับองค์กรในระยะยาว
//จบ//
หมายเหตุ: บทความนี้ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2566 ทาง The Standard Wealth
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29