Doing the Right Deals Blog

5 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้การควบรวมกิจการประสบความสำเร็จ

โดย ฉันทนุช โชติกพนิช
หุ้นส่วน และหัวหน้าสายงานดีลส์
บริษัท PwC ประเทศไทย

ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่วิกฤตโควิด-19 กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปจนถึงการผลักดันให้เกิดการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG)  ด้วยเหตุนี้ องค์กรจะต้องมีความคล่องตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ให้ทัน แต่หากการเติบโตตามธรรมชาติ (Organic growth) ไม่สามารถทำให้องค์กรขยับขยายธุรกิจ หรือก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงได้ทัน ก็อาจพิจารณาการเติบโตผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) เพื่อได้มาซึ่งความสามารถทางธุรกิจ ที่มีศักยภาพในการเติบโต หรือมีสินค้า บริการ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะยิ่งช่วยทําให้ธุรกิจเติบโตได้เป็นทวีคูณมากกว่าที่บริษัทจะสามารถทําได้เองเพียงลําพัง

อย่างไรก็ดี ผลจากการทำดีลส์ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกครั้งไป ผลจากการสำรวจ Doing the right deals: Why capabilities are more important than ever for M&A ของ PwC พบว่า 53% ของการควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นบนโลก ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเกณฑ์ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์กรธุรกิจจะต้องทำอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจว่า การลงทุนจะสร้างมูลค่าได้อย่างยั่งยืน 

รายงานของ PwC ฉบับนี้ทำการสำรวจกิจกรรมการควบรวมจำนวนกว่า 800 ดีลส์ ซึ่งประกอบด้วย การควบรวมกิจการขนาดใหญ่จำนวน 50 ดีลส์ใน 16 กลุ่มอุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และอ้างอิงการวิเคราะห์จากการวิจัยของ Bayes Business School ในสหราชอาณาจักร โดยได้วิเคราะห์ถึงรูปแบบของดีลส์ที่สร้างผลตอบแทนทางการเงิน รวมถึงนำเสนอแนวทางสำคัญในการสร้างดีลส์ให้ประสบความสำเร็จ 

การทำดีลส์ที่สร้างคุณค่า 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ดีลส์ประสบความสำเร็จ คือ ความสามารถ (Capability) ของธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยกระบวนการ เครื่องมือ เทคโนโลยี และพฤติกรรมที่ทำให้องค์กรนั้น ๆ สามารถส่งมอบคุณค่าพิเศษให้แก่ลูกค้าของตนได้ ยกตัวอย่าง เช่น บริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง แอปเปิล ที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านการออกแบบสินค้าให้ดูทันสมัยและน่าใช้ หรือบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ แอมะซอน ที่มีความสามารถในด้านการออกแบบจุดเชื่อมต่อระหว่างร้านค้าปลีกกับผู้บริโภค เป็นต้น 

ไม่ว่าองค์กรจะมีเป้าหมายของการควบรวมเพื่อสร้างความมั่นคง ปรับเปลี่ยนธุรกิจ หรือเข้าสู่ตลาดใหม่ ดีลส์ที่ประสบความสำเร็จได้ ควรมีองค์ประกอบที่สำคัญนั่นคือ ความเข้ากันของความสามารถทางธุรกิจ (Capabilities fit) ระหว่างผู้ซื้อและบริษัทเป้าหมาย โดยสามารถแบ่งรูปแบบของการทำดีลส์ออกเป็น 3 รูปแแบบ ดังต่อไปนี้

  1. ดีลส์ที่เสริมความสามารถทางธุรกิจ (Capabilities enhancement deals) หรือดีลส์ที่ผู้ซื้อต้องการควบรวมกิจการเพื่อให้ได้มาซึ่งขีดความสามารถที่ต้องการ โดย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีดีลส์ในรูปแบบนี้มากที่สุดคือ โทรคมนาคม (48%) ตามมาด้วย ยานยนต์ และธนาคาร ตลาดทุน และการบริหารจัดการสินทรัพย์ (ที่ 46% เท่ากัน)

  2. ดีลส์ที่ช่วยยกระดับความสามารถของธุรกิจ (Capabilities leverage deals) หรือดีลส์ที่ผู้ซื้อใช้ความสามารถที่มีอยู่ในการสร้างคุณค่าให้บริษัทเป้าหมายยิ่งเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยการทำดีลส์ประเภทนี้พบมากที่สุดในธุรกิจด้านบริการสุขภาพ และธุรกิจด้านเภสัชกรรม และชีววิทยาศาสตร์ (ที่ 62% เท่ากัน)
    นอกจากนี้ การทำดีลส์ทั้งสองประเภทนี้ยังเน้นไปที่การสร้างคุณค่า (Value creation) และให้ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม (Total shareholder return: TSR) ในระดับสูง โดยมากกว่า 50% ของดีลส์ที่ยกระดับความสามารถทางธุรกิจ และดีลส์ที่เสริมความสามารถทางธุรกิจจะให้ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม ในระดับสูง

  3. ดีลส์ที่มีความเข้ากันอย่างจำกัด (Limited-fit deals) หรือดีลส์ที่ผู้ซื้อไม่ได้สนใจต่อความสามารถทางธุรกิจ หรือไม่ได้ซื้อบริษัทเป้าหมายเพื่อมาเสริม หรือพัฒนาความสามารถของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจต้องการซื้อกิจการเพียงเพื่อขยายฐานการผลิต หรือเพิ่มจำนวนสาขา ซึ่งการทำดีลส์ในลักษณะนี้ มักให้ TSR ต่ำกว่าสองดีลส์แรก โดยรายงานของ PwC ระบุว่า มีเพียง 28% ของดีลส์รูปแบบนี้ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง

ที่มา: Doing the right deals: Why capabilities are more important than ever for M&A, PwC

เริ่มต้นทำดีลส์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

จากการศึกษากว่า 800 ดีลส์ขนาดใหญ่ของ PwC แสดงให้เห็นว่า ดีลส์ที่ได้รับผลตอบแทนสูงส่วนใหญ่จะเป็นการทำดีลส์ที่เสริมความสามารถทางธุรกิจ แต่ในทางปฏิบัติ องค์กรที่กำลังมองหาดีลส์ที่จะสร้างคุณค่าได้อย่างยั่งยืนควรเริ่มต้นอย่างไร รายงานฉบับนี้ ยังได้แนะนำ 5 แนวทางสำคัญในการทำดีลส์ให้ประสบความสำเร็จดังต่อไปนี้

  1. ทบทวนความสามารถทางธุรกิจที่บริษัทมี และความสามารถที่บริษัทต้องการ โดยพิจารณาจากเป้าหมายและกลยุทธ์องค์กรในการเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้า ผู้บริหารควรทราบว่า ความสามารถทางธุรกิจใดที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งในวันนี้และในอนาคต เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็เริ่มมองหาแนวทางในการเติมช่องว่างเหล่านี้ให้ได้ โดยอาจพัฒนาความสามารถนั้นขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง หรือพิจารณาการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทเป้าหมายที่มีความสามารถตามที่ต้องการ

  2. สำรวจสินทรัพย์ขององค์กรโดยพิจารณาถึงความสามารถของธุรกิจเป็นหลัก เช่น ธุรกิจที่มีอยู่ช่วยเสริมความสามารถขององค์กรให้โดดเด่นหรือไม่ มีธุรกิจใดที่ควรจะขายทิ้ง เพราะไม่มีความสามารถหรือทักษะที่จำเป็นเพียงพอที่จะทำให้ชนะคู่แข่งหรือไม่ หรือมีธุรกิจใดที่ควรซื้อเพื่อนำจุดแข็งขององค์กรนั้นมาเสริมให้ธุรกิจ ยิ่งประสบความสำเร็จหรือไม่

  3. เตรียมพร้อมทำดีลส์อยู่เสมอ เมื่อองค์กรมีการเตรียมความพร้อมในสองขั้นตอนแรก ก็จะช่วยให้องค์กรเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างความโดดเด่นให้กับความสามารถทางธุรกิจ และสามารถมองหาธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อทำการควบรวม โดยพิจารณาถึงความสามารถที่เข้ากัน และยังมองเห็นโอกาสหากมีสินทรัพย์ขององค์กรที่สามารถเข้ากับความสามารถขององค์กรอื่นมากขึ้น 

  4. ผสานจุดเด่นและความสามารถจากการควบรวม ซึ่งมักเป็นอุปสรรคสำคัญในการสร้างคุณค่าจากการควบรวมกิจการ และต้องได้รับการจัดการตามรูปแบบเฉพาะของแต่ละดีลส์ องค์กรจึงต้องเข้าใจเป้าหมาย และมีกลยุทธ์ในการควบรวมเพื่อดึงจุดเด่น และเชื่อมโยงขีดความสามารถของแต่ละกิจการเข้าด้วยกัน เพื่อให้ดีลส์ที่จะเกิดขึ้นบรรลุเป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  5. พร้อมตัดสินใจและดำเนินการ หากดีลส์การควบรวม หรือขายกิจการยังพบช่องโหว่ ในเรื่องของความสามารถที่ไม่เข้ากัน องค์กรต้องพร้อมที่จะตัดสินใจเพื่อปกป้องคุณค่า หรือถอนตัวอย่างรวดเร็ว หากพบว่าความสามารถของธุรกิจยังมีช่องว่าง ขณะที่ผู้บริหารต้องเร่งดำเนินการปิดช่องว่างนั้น ๆ ก่อนที่จะสายเกินไป 

เราจะเห็นได้ว่า การที่บริษัทจะประสบความสำเร็จในการทำดีลส์ได้นั้น จะต้องเข้าใจขีดความสามารถทางธุรกิจของตัวเอง โดยต้องทราบว่า ยังขาดความสามารถในด้านไหน และจะนำความสามารถในด้านนั้น ๆ มาเติมเต็ม หรือต่อยอดอย่างไรให้ธุรกิจที่มีอยู่ประสบความสำเร็จ ซึ่งการมีความชัดเจนเหล่านี้ จะช่วยให้ธุรกิจที่กำลังมองหาดีลส์ พบเจอคู่ที่เหมาะสมกับกิจการอย่างแท้จริง และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างมูลค่าจากการควบรวมในอนาคต

//จบ//

อ้างอิง:

  1. Doing the right deals: Why capabilities are more important than ever for M&A, PwC

Contact us

Marketing and Communications

Bangkok, PwC Thailand

Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29

Follow us