30 ตุลาคม 2560, โดย กุลธิดา เด่นวิทยานันท์
เชื่อว่า วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “โดรน” (Drone) หรือ “เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ” ที่กำลังเข้ามามีอิทธิพลกับอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด เพราะสามารถเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์ในการทำงานบางประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานที่มีความเสี่ยงสูง หรืออยู่ในเขตพื้นที่อันตรายและยากต่อการเข้าถึง คุณสมบัติของโดรนมีความคล่องตัว อีกทั้งยังมีต้นทุนในการจัดการต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจลงทุนในเทคโนโลยีประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง ในคราวที่แล้ว ผู้เขียนได้พูดถึงความสามารถของเทคโนโลยี “โดรน” และการประยุกต์ใช้กับธุรกิจโดยรวม มาคราวนี้จึงอยากขอเจาะไปที่การนำโดรนมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำอย่าง ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Power and Utilities) กันบ้าง ซึ่งกระแสของการใช้โดรนในอุตสาหกรรมนี้กำลังเริ่มเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
จากรายงานล่าสุด “Clarity from above: Leveraging drone technologies to secure utilities systems” ของ PwC คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดโดรนในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภคทั่วโลกจะสูงถึง 9.46 พันล้านดอลลาร์ หรือ ราว 3.14 ล้านล้านบาท
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภคทั่วโลกนั้นกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากเขตชุมชนเมืองและอัตราการขยายตัวของประชากร โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน และ อินเดีย การเปลี่ยนถ่ายจากการใช้พลังงานดั้งเดิมมาสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น ความเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแลที่อาจส่งผลให้ราคาพลังงานลดลง รวมทั้ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องการที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจเสียใหม่ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตและกำไรขององค์กร
ด้วยแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจบวกกับความความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลนี่เอง ทำให้เทคโนโลยีโดรนถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Distribution) หรือ การกำกับดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง (Transmission) ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้ สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการบริหารจัดการและการบำรุงรักษาพลังงานทุกประเภท ผ่านการประยุกต์ใช้โดรนในกระบวนการทำงาน ดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ดี แม้การใช้งานโดรนในอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภคจะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าต้องเตรียมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานโดรนเอง เช่น การตกกระแทกของโดรนลงบนพื้นที่โรงไฟฟ้าซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อสายไฟ หรือท่อส่งพลังงานต่างๆ นอกจากนี้ การขโมยฐานข้อมูลจากโดรน เพราะส่วนใหญ่ข้อมูลที่เก็บผ่านโดรนนั้นจะส่งข้อมูลผ่านไวไฟ หรือบลูทูธ (Bluetooth) ทำให้ผู้ประกอบการต้องศึกษาความเสี่ยงและมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยจากการใช้งานโดรนด้วย
สำหรับประเทศไทย แม้การนำโดรนมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภคจะยังไม่เป็นที่นิยมนัก แต่เชื่อว่า ในไม่ช้าโดรนจะถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น เพราะการประยุกต์ใช้โดรนสามารถช่วยปิดช่องโหว่ของการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านต้นทุนในการบริหารจัดการ ความรวดเร็ว แม่นยำ และลดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรักษาอัตราการเติบโตขององค์กรให้เป็นไปอย่างที่คาดหวังอีกด้วย
Marketing and Communications
Bangkok, PwC Thailand
Tel: +66 (0) 2844 1000, Ext. 4713-15, 18, 22-24, 26, 28 and 29