กรุงเทพฯ, 9 กรกฎาคม 2568 – PwC เผยรายงานฉบับล่าสุดชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับศักยภาพของแรงงานเท่านั้น แต่ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม โดย AI มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตและการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมของแรงงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงค่าจ้างที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแรงงานที่มีทักษะด้าน AI ซึ่งมีแนวโน้มได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถพัฒนาเส้นทางอาชีพไปสู่ตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
รายงาน “Global AI Jobs Barometer 2025” ของ PwC ซึ่งได้วิเคราะห์ข้อมูลประกาศรับสมัครงานเกือบหนึ่งพันล้านตำแหน่งจากหกทวีปทั่วโลก ระบุว่า ตั้งแต่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI: GenAI) มาใช้อย่างแพร่หลายในปี 2565 อุตสาหกรรมที่ประยุกต์ใช้ AI อย่างเข้มข้น เช่น บริการทางการเงินและซอฟต์แวร์ มีอัตราการเติบโตของผลิตภาพ (productivity) เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า โดยขยับจาก 7% ในช่วงปี 2561-2565 เป็น 27% ในช่วงปี 2561-2567 ในทางกลับกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI น้อยที่สุด เช่น เหมืองแร่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก พบว่าอัตราการเติบโตของผลิตภาพลดลงจาก 10% เหลือ 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลปี 2567 ยังชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI สูงสุดมีการเติบโตของรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยที่สุดถึงสามเท่า
นาง แครอล สตับบิงส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า:
“งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของ AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริง และยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เรานำ agentic AI มาใช้ในระดับองค์กร เราเห็นการหลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีกับวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการปรับมุมมองต่อการดำเนินงานและสร้างคุณค่าทางธุรกิจขององค์กร”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานนี้ไม่พบแนวโน้มการลดลงของตำแหน่งงานหรือค่าตอบแทนที่เกิดจากเทคโนโลยี AI ตรงกันข้ามกับหลายสมมติฐาน
แม้อาชีพที่มีการนำ AI มาใช้น้อยกว่าจะมีอัตราการเติบโตของตำแหน่งงานโดดเด่นถึง 65% ในช่วงปี 2562-2567 แต่อาชีพกลุ่มที่นำ AI มาใช้มากก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 38% และสำหรับอาชีพที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น สามารถแยกย่อยได้เป็น ‘งานที่ถูกทำด้วยระบบอัตโนมัติ’ (เช่น งานที่ AI สามารถดำเนินการบางส่วนได้) และ ‘งานที่ถูกเสริมศักยภาพ’ (เช่น งานที่มนุษย์นำ AI มาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิผล) ผลการศึกษาพบว่าจำนวนตำแหน่งงานในทั้งสองกลุ่มดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มงานที่ได้รับการเสริมศักยภาพจาก AI ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่น
ค่าจ้างในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยกว่าถึงสองเท่า โดยค่าจ้างเพิ่มขึ้นทั้งในงานที่สามารถทำได้โดยระบบอัตโนมัติและงานที่ AI เข้ามาเสริมศักยภาพมนุษย์ ทั้งนี้ ตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะด้าน AI ก็มีค่าตอบแทนสูงกว่างานในสายเดียวกันที่ไม่ต้องการทักษะ AI ในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกวิเคราะห์ โดยค่าตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่านี้อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปีที่แล้ว งานที่ต้องใช้ทักษะ AI ยังคงเติบโตเร็วกว่าตำแหน่งงานอื่น ๆ โดยเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่ก่อน ในขณะที่ประกาศรับสมัครงานทั้งหมดลดลง 11.3%
นาย โจ แอทคินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย AI ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า:
“เมื่อเทียบกับความกังวลที่ว่า AI อาจทำให้จำนวนงานลดลงอย่างมาก ผลการศึกษาในปีนี้แสดงให้เห็นว่างานกำลังเติบโตในแทบทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้แต่ในกลุ่มที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้สูง AI กำลังเสริมศักยภาพและเปิดโอกาสให้ความเชี่ยวชาญกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้มากขึ้น ช่วยให้พนักงานขยายขอบเขตในการเพิ่มผลลัพธ์และมุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น ด้วยรากฐานที่เหมาะสม ทั้งบริษัทและพนักงานจะสามารถกำหนดบทบาทและอุตสาหกรรมใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสายงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้านเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น”
แม้ว่าภาพรวมในด้านประสิทธิภาพการผลิต ค่าจ้าง และงานจะเป็นไปในทิศทางบวก งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่แรงงานและธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการทักษะจากนายจ้างกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น 66% ในสายงานที่ใช้ AI มากที่สุด จากเดิม 25% เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องใช้ในการประสบความสำเร็จในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ความต้องการวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการจากนายจ้างลดลงสำหรับทุกตำแหน่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI สัดส่วนของงานที่ AI ช่วยเสริมศักยภาพซึ่งต้องการวุฒิการศึกษาลดลง 7 จุดร้อยละ ระหว่างปี 2562 ถึง 2567 จาก 66% เหลือ 59% และลดลง 9 จุดร้อยละ (จาก 53% เหลือ 44%) สำหรับงานที่ AI สามารถทำงานแทนมนุษย์
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นด้วยว่า ผลกระทบของ AI ต่อผู้หญิงและผู้ชายอาจไม่เท่ากัน โดยในทุกประเทศที่วิเคราะห์ พบว่าผู้หญิงที่ทำงานในสายงานที่ใช้ AI มีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ซึ่งบ่งชี้ว่าความกดดันด้านทักษะที่ผู้หญิงต้องเผชิญจะสูงกว่า
นาย พีท บราวน์ หัวหน้ากำลังแรงงานระดับโลกของ PwC กล่าวว่า:
“การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ไม่เพียงเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังพลิกโฉมแรงงานและทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นายจ้างจะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการทุ่มเงิน แม้ว่าจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนสูงเพื่อดึงดูดผู้มีทักษะด้าน AI ได้ แต่ทักษะเหล่านั้นก็สามารถล้าสมัยได้อย่างรวดเร็วหากขาดการลงทุนในระบบที่ช่วยให้แรงงานได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง”
หากธุรกิจต้องการเร่งการเติบโตและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ AI มอบให้ พวกเขาควรให้ความสำคัญกับ AI ตั้งแต่ตอนนี่้ โดยรายงานฉบับนี้ได้แนะนำห้าแนวทางสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ดังนี้
ด้าน ดร. ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า:
“AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพและเปลี่ยนแปลงทักษะที่ตลาดแรงงานไทยต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการทางการเงินและเทคโนโลยี ผู้มีทักษะด้านนี้จะมีโอกาสเติบโตและได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น อย่างไรก็ดี องค์กรต่าง ๆ ควรสนับสนุนการมอง AI ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงาน ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่มนุษย์
“การเริ่มต้นจากการให้เห็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในเชิงธุรกิจ พร้อมกับจัดฝึกอบรมให้ความรู้ จะช่วยให้พนักงานเข้าใจการนำ AI ไปใช้ในงานประจำวันได้มากขึ้น นอกจากนี้ ควรมีแนวทางกำกับดูแลการใช้ AI อย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยของข้อมูล จริยธรรม และความโปร่งใส ขณะเดียวกัน พนักงานก็ควรมีทัศนคติที่เปิดรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสที่เกิดขึ้นในยุค AI”
ดร. ภิรตา กล่าว
//จบ//
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
เกี่ยวกับรายงาน AI Jobs Barometer ประจำปี 2568 ของ PwC
รายงาน AI Jobs Barometer ประจำปี 2568 ของ PwC ได้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกจากฐานข้อมูลโฆษณารับสมัครงานนับพันล้านตำแหน่งและรายงานทางการเงินของบริษัทหลายพันแห่งทั่วหกทวีป เพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ที่มีต่อการจ้างงาน ค่าตอบแทน ทักษะ และประสิทธิภาพการผลิต รายงานฉบับนี้สรุปข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบของ AI จากโฆษณารับสมัครงานและรายงานประจำปีของบริษัทจนถึงสิ้นปี 2567 งานที่ ‘มีการใช้ AI’ ได้รับการระบุโดยอาศัยดัชนี AI Occupational Exposure แบ่งตามระดับการใช้งาน ได้แก่ ‘งานที่มีการใช้ AI มาก’ หมายถึงกลุ่มงานซึ่งอย่างน้อย 50% มีการใช้ AI ในระดับสูง; ‘งานที่มีการใช้ AI น้อย’ คือกลุ่มที่ 50% ของงานมีการใช้ AI ต่ำกว่า; และ ‘งานที่ใช้ AI มากที่สุด’ คือกลุ่มที่ 25% ของงานมีการใช้ AI ในระดับสูงสุด นอกจากนี้ เรายังใช้วิธีการของ IMF เพื่อวิเคราะห์ลักษณะงานที่สามารถดำเนินการโดยระบบอัตโนมัติ (AI สามารถทำงานย่อยจำนวนมากได้) กับงานที่ AI มีบทบาทเสริมศักยภาพความเชี่ยวชาญและวิจารณญาณของมนุษย์ ผู้สนใจสามารถอ่านรายงานฉบับเต็มและศึกษาข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจได้ที่ www.pwc.com/aijobsbarometer
เกี่ยวกับ PwC
ที่ PwC เราช่วยลูกค้าสร้างความไว้วางใจและคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนความซับซ้อนให้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เราเป็นเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและมีบุคลากรมากกว่า 370,000 คนใน 149 ประเทศ เราช่วยสร้าง เร่ง และรักษาโมเมนตัมให้คงอยู่ได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในด้านการตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย ดีลส์ และการให้คำปรึกษา คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pwc.com
เกี่ยวกับ PwC ประเทศไทย
PwC ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 65 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรมากกว่า 1,800 คนในประเทศไทย
PwC refers to the Thailand member firm, and may sometimes refer to the PwC network. Each member firm is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.
© 2025 PwC. All rights reserved