Press Release

PwC ประเทศไทย ชี้ดีลควบรวมกิจการธุรกิจบริการทางการเงินไทยครึ่งปีหลังซบเซา สวนกระแสตลาดโลกเริ่มฟื้น

  • Press Release
  • 8 minute read
  • 01 Aug 2025

กรุงเทพฯ, 1 สิงหาคม 2568 – PwC ประเทศไทย ชี้แนวโน้มดีลควบรวมกิจการในภาคบริการทางการเงินของไทยยังคงซบเซาต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2568 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและต่างประเทศ ตั้งแต่เศรษฐกิจชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมือง ไปจนถึงอุปสรรคด้านการค้าและภาษีศุลกากร แนะผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างว่องไว อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรอย่างฟินเทคเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในปีนี้

นาย ภูวิณ หน่อชูเวช หุ้นส่วนสายงานดีลส์ บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่ากิจกรรมควบรวมและซื้อกิจการ (merger and acquisition: M&A) ในภาคบริการทางการเงิน (financial services: FS) ของไทยในปีนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่ทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ระมัดระวังในการตัดสินใจ ขณะที่บริษัทไทยส่วนใหญ่ยังชะลอการเข้าซื้อกิจการ และรอให้สถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น โดยดีลในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มว่าทิศทางนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี

“ต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้นทั่วโลก กำแพงภาษีศุลกากร และการปรับตัวเข้าสู่ยุคของ AI ล้วนเป็นความท้าทายสำคัญ ที่ทำให้ผู้ทำดีลหลายรายเลือกที่จะชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ในปีนี้ และถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะควบคุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำ แต่การควบรวมและซื้อกิจการในภาคบริการทางการเงินของไทยอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนักในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เพราะยังมีอุปสรรคค่อนข้างมากอยู่ในเวลานี้” นาย ภูวิณ กล่าว

นาย ภูวิณ กล่าวเสริมว่า “ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศก็กำลังทำให้ธุรกิจในหลายภาคส่วน ไม่ใช่แค่เฉพาะภาคบริการทางการเงิน ชะลอการตัดสินใจลงทุนหรือการทำดีลใหญ่ ๆ จนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนมากกว่านี้”

สำหรับภาคธนาคาร ความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเกิดขึ้นของธนาคารไร้สาขา กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดการเงินของไทย เช่นเดียวกับภาคธุรกิจหลักทรัพย์ที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซา ทำให้ประเด็นการบังคับขายจากสินเชื่อมาร์จินกลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก ขณะที่บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงต้องแข่งขันกับผู้เล่นดิจิทัลหน้าใหม่ ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้การควบรวมกิจการกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นาย ภูวิณ กล่าว

ในส่วนของภาคธุรกิจประกันภัยยังคงต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและกฎระเบียบใหม่ ๆ เช่น เงื่อนไขการร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในประกันสุขภาพ (co-payment) รวมถึงตลาดประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (electric vehicle: EV insurance) ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ บริษัทประกันบางแห่งเลือกที่จะไม่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นในระยะสั้น เนื่องจากต้นทุนการเคลมที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อการดำเนินธุรกิจและขนาดองค์กร จนนำไปสู่การควบรวมกิจการของบริษัทประกันภัยขนาดเล็กได้ เขา กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงาน Global M&A trends in financial services: 2025 mid-year outlook ของ PwC ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ปริมาณดีล (deal volume) ในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของโลกลดลง 1% เหลือ 2,313 ดีล เปรียบเทียบกับ 2,340 ดีลในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี มูลค่าดีล (deal value) ทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้น 15% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้จำนวนดีลจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม โดยดีลขนาดใหญ่ (megadeals) เป็นผู้นำตลาด โดยมีดีลที่มีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจำนวนทั้งสิ้น 10 ดีล เทียบกับ 6 ดีลเมื่อปีที่แล้ว

ข้อมูลจาก PwC ยังระบุว่า ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ดีลที่มีมูลค่าสูงสุดในธุรกิจบริการทางการเงินโลกสามอันดับแรก ได้แก่ การเข้าซื้อกิจการ Worldpay ของ Global Payments มูลค่า 24.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยการซื้อกิจการ Mediobanca ของ Monte dei Paschi di Siena มูลค่า 13.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเข้าซื้อกิจการโซลูชันสำหรับผู้ออกบัตรของ Global Payments โดยบริษัทผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการเงิน FIS มูลค่า 13.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในระดับภูมิภาค เมื่อเปรียบเทียบครึ่งแรกของปี 2568 กับช่วงเดียวกันของปี 2567 ปริมาณดีลยังคงทรงตัวในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา (Europe, the Middle East and Africa: EMEA) รวมถึงทวีปอเมริกา ในขณะที่กิจกรรมการทำดีลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลง 4% ซึ่งตามข้อมูลของ PwC แต่ละภูมิภาคคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของจำนวนดีลทั้งหมดทั่วโลก สำหรับมูลค่าดีล ยังคงมีเสถียรภาพในทวีปอเมริกา แต่ลดลง 15% ในเอเชียแปซิฟิก

แนะดำเนินกลยุทธ์ในการปรับตัวอย่างคล่องแคล่วและร่วมมือกับบริษัทฟินเทค

ในสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทในภาคบริการทางการเงินของไทยควรทบทวนกลยุทธ์ของตนใหม่ และพิจารณาว่าการควบรวมและซื้อกิจการสามารถช่วยเสริมศักยภาพในด้านที่อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญขององค์กรได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งแทนที่จะพัฒนาโซลูชันเองทั้งหมดหรือเข้าซื้อกิจการของธุรกิจอื่น บริษัทควรมองหาความร่วมมือกับสตาร์ทอัพและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อนำบริการทางการเงินไปฝังอยู่ในระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินดิจิทัล การเปิดบัญชี การให้สินเชื่อ หรือเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่ง

“การทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มจะช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่สามารถนำแนวคิดใหม่ ๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานราบรื่นขึ้น และมีเครื่องมือดิจิทัลและศักยภาพขององค์กรที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ยังทำให้ธุรกรรมต่าง ๆ ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ในยุคปัจจุบันของการควบรวมและซื้อกิจการ ไม่ได้มีแค่เรื่องการซื้อขายเท่านั้น แต่การสร้างพันธมิตรและความร่วมมือทางกลยุทธ์กำลังเป็นเทรนด์สำคัญ” นาย ภูวิณ กล่าว

“ธุรกิจบริการทางการเงินขนาดใหญ่ต้องคล่องแคล่วรวดเร็วและเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ผู้นำควรเปิดใจกว้างและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ความคล่องตัวจะสร้างแต้มต่อในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้” เขา กล่าว

//จบ//


ข้อมูลอ้างอิง:

1. ‘Global M&A Trends in Financial Services: 2025 Mid-year Outlook’, PwC

เกี่ยวกับ PwC

ที่ PwC เราช่วยลูกค้าสร้างความไว้วางใจและคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนความซับซ้อนให้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เราเป็นเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและมีบุคลากรมากกว่า 370,000 คนใน 149 ประเทศ เราช่วยสร้าง เร่ง และรักษาโมเมนตัมให้คงอยู่ได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งในด้านการตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย ดีลส์ และการให้คำปรึกษา คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pwc.com

เกี่ยวกับ PwC ประเทศไทย

PwC ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 65 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรมากกว่า 1,800 คนในประเทศไทย

PwC refers to the Thailand member firm, and may sometimes refer to the PwC network. Each member firm is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.

© 2025 PwC. All rights reserved

Click here to read English version

Contact us

Ploy Ten Kate

Ploy Ten Kate

Director, PwC Thailand

Tel: +66 (0) 2844 1000 Ext. 4713

Follow us