กรุงเทพฯ, 18 กันยายน 2563 – PwC ประเทศไทย ชี้การบริหารงานในปีนี้มีความท้าทายสูง หลังภาวะเศรษฐกิจขาลงเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและลูกค้า เผยกลยุทธ์ปีนี้เน้นให้คำปรึกษากับลูกค้าในการแก้ไขปัญหาทางการเงินเพื่อกลับสู่โหมดฟื้นฟูได้โดยเร็วที่สุด พร้อมลงทุนในเทคโนโลยีที่จำเป็น รวมทั้งยกระดับทักษะพนักงาน โดยตั้งเป้าการเป็นที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้อันดับที่ 1 ในเรื่องของคุณภาพ
นาย ชาญชัย ชัยประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นเป็นปีที่ท้าทายของการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ติดลบ 8.1% และจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2564 ซึ่งหมายความว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อ PwC ประเทศไทย และลูกค้าของ PwC ประเทศไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“กลยุทธ์ของเราในปีนี้จะเน้นไปที่การให้คำปรึกษากับธุรกิจในการแก้ไขปัญหาทางการเงินต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้ากลับสู่โหมดฟื้นฟูได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ เราจะมีการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายเพราะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ก็จะลงทุนในเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อไป สถานการณ์ล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เราเห็นว่า การลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมาของ PwC ช่วยให้พนักงานของเราสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว โดยทำงานที่ไหนก็ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาคุณภาพของงานได้เป็นอย่างดี” นาย ชาญชัย กล่าว
สำหรับ 5 ภารกิจสำคัญที่ PwC ประเทศไทย ใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรในปีบัญชี 2564 (1 กรกฎาคม 2563 - 30 มิถุนายน 2564) ประกอบด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สมาชิกเครือข่าย PwC ทั่วโลกประกาศรายได้รวมในช่วง 12 เดือน (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563) อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.34 ล้านล้านบาท[1]) หรือเติบโต 3% จากปีก่อน ตามอัตราแลกเปลี่ยนท้องถิ่น (หรือเติบโต 1.4% เมื่อคำนวณตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2563 (เดือนกรกฎาคม 2562 ถึง มีนาคม 2563) รายได้รวมทั้งเครือข่าย เพิ่มขึ้นเกือบ 7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกสายงานธุรกิจ (ธุรกิจตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย และที่ปรึกษาทางธุรกิจ) และในทุกตลาดหลัก อย่างไรก็ดี รายได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน ถึง มิถุนายน 2563 กลับได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาด (Lockdown) และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลง 6%
“จากนี้ไป PwC ประเทศไทย จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะต้องยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายสำหรับเราและผู้ประกอบการทั่วทั้งประเทศ ซึ่งรวมถึงลูกค้าของเราด้วย เราเชื่อว่า การเข้าหาลูกค้า รับฟังสิ่งที่เป็น Pain point และการให้คำแนะนำที่จะช่วยให้ลูกค้าและผู้ประกอบการสามารถกลับมาฟื้นฟูธุรกิจของตัวเองได้รวดเร็วที่สุดจะเป็นสิ่งที่สำคัญในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารสภาพคล่อง การควบคุมต้นทุน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้ธุรกิจกลับมาฟื้นสภาพการดำเนินงานให้กลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงกับภาวะปกติได้ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า” นาย ชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย
//จบ//
[1] อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 31.07 บาท ณ วันที่ 17 กันยายน 2563
ที่ PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย 157 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 284,000 คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ www.pwc.com
เกี่ยวกับ PwC ประเทศไทย
PwC ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 61 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรมากกว่า 1,800 คนในประเทศไทย
PwC refers to the Thailand member firm, and may sometimes refer to the PwC network. Each member firm is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.
© 2020 PwC. All rights reserved